นักลงทุนซื้อขายหุ้นกันอย่างไร?

การซื้อ-ขายของกลุ่มนักลงทุนต่างๆ

ในแต่ละวัน Link นี้จะแสดงการซื้อ-ขายของกลุ่มนักลงทุนต่างๆ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มดังนี้

1.สถาบันในประเทศกลุ่มนี้ก็คือ กลุ่มกองทุนต่างๆ ซึ่งถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ กลุ่มนี้ก็คือตัวแทนของนักลงทุนรายย่อยซึ่งทำหน้าที่บริหารกองทุนที่นักลงทุนรายย่อยเข้าซื้อหรือลงทุนไว้นั่นเอง โดยนักลงทุนรายย่อยสามารถเลือกเข้าไปลงทุนในกองทุนต่างๆ ตามความเหมาะสมกับตัวเอง เช่น กองทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง กองทุนที่เน้นเงินปันผล เป็นตัน

2.บัญชีบริษัทหลักทรัพย์อธิบายง่ายๆ คือ บริษัทหลักทรัพย์ หรือ โบรกเกอร์นอกจากจะเป็นนายหน้าซื้อ-ขายหุ้นแทนเราแล้ว เขายังเป็นผู้เล่นหุ้นรายหนึ่งโดยเขามีบัญชีและใช้เงินทุนของตัวเองในการซื้อ-ขายหุ้นด้วย

3.นักลงทุนต่างประเทศกลุ่มนี้ก็คือ กลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาตินั่นเองกลุ่มนี้ค่อนข้างจะมีอิทธิพลกับดัชนีตลาดหุ้นบ้านเราเนื่องจากกระแสเงิน (Fund Flow) ที่ไหลเข้า-ออกในการซื้อ-ขายในตลาดหุ้นนั่นเอง โดยทั่วไปนักลงทุนต่างประเทศมักจะเลือกลงทุนในหุ้นตัวใหญ่ๆ

4.นักลงทุนทั่วไปในประเทศหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า นักลงทุนรายย่อยนั่นเอง ซึ่งก็หมายถึงพวกเราๆท่านๆนี่แหล่ะครับ แต่ไม่ใช่ว่ากลุ่มนี้จะมีแต่คนทุนน้อยนะครับเพราะระดับเชียนหุ้นร้อยล้านก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน

นักลงทุนแนว VI (Value Investor)

นักลงทุนแนวนี้ให้ความสนใจแต่หุ้นฟื้นฐานดีเท่านั้น โดยหลักการทาหุ้นของนักลงทุนกลุ่มนี้จะเริ่มจาก

การประเมินหามูลค่าที่แท้จริงของบริษัทนั้นเมื่อรู้มูลค่าที่แท้จริงของบริษัทแล้วก็จะรอจังหวะเข้าซื้อ

เมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงก็เข้าเก็บมักจะถือครองหุ้นเป็นเวลานานๆนักลงทุนแนว V! ไม่เน้นการหากำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นในช่วงสั้นๆ และบางทีก็ไม่ขายออกเลยเป็นระยะเวลานาน หากเห็นว่าถือหุ้นไว้แล้วกินเงินปันผลไปเรื่อยๆ ก็คุ้มแล้วนักลงทุนแนว VI ไม่จำเป็นต้องมานั่งเฝ้าหน้าจอทั้งวันหลังจากตัดสินใจซื้อหุ้นแล้ว นานๆทีอาจจะมาเปิดหน้าจอดูโดยคิดว่าปล่อยให้เงินทำงานไป แต่ก่อนที่เขาจะตัดสินใจซื้อหุ้นสักตัวนั้น เขาจะเลือกแล้วเลือกอีก คัดแล้วคัดอีก จนกว่าจะได้หุ้นที่เขาเห็นว่าเป็นหุ้นดีเท่านั้น ราคาที่นักลงทุนแนว VI ซื้ออาจไม่ใช่ราคาที่ต่ำสุด แต่เป็นราคาที่เขาประเมินจากการเปรียบเทียบกับพื้นฐานแล้วเห็นว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนสล็อต ออนไลน์ หลายครั้งที่เห็นนักลงทุนแนว Vเ ถือหุ้นเป็นเวลานาน จนบางคนเข้าใจผิดว่าเขาซื้อหุ้นแล้วไม่ขาย จริงๆแล้วเขาจะซื้อหุ้นตีในราคาที่เหมาะสมและถือไว้จนราคาสูงขึ้นจนเข้าใกล้มูลค่าพื้นฐานของหุ้น และถ้าไม่มีปัจจัยที่สมเหตุสมผลมาร้องรับการขึ้นของราคาต่อไปอีก เขาจะขายหุ้นออก ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้เล่นหุ้นแบบไม่ต้องไปเต้นตามราคาขึ้น-ลงในแต่ละวัน ไม่หวังเก็งกำไรจากส่วนต่างเล็กๆน้อยๆ ซึ่งจะว่าไปแล้วนักลงทุนแนวนี้จะต้องเป็นคนที่จิตใจแน่วแน่ ไม่หวั่นไหวต่อราคาที่แกว่งขึ้น-ลง เขาว่ากันว่านักลงทุนแนว V สามารถทนถือหุ้นที่ราคาตกลง50% เป็นเวลานานถึง 2 ปี โดยไม่ขายออก นั่นเป็นเพราะเขามั่นใจว่าหุ้นเขาดีจริงและราคาจะกลับขึ้นไปที่จุดเดิมหรือสูงกว่าในที่สุดหากจะให้ยกตัวอย่างนักลงทุนแนว V1 ระดับโลกก็ต้องยกให้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett), เบนจามิน เกรแฮม (Benjamin Graham) ถ้าของ ทยก็ต้องยกให้ ตร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เป็นต้น

เข้าสู่ระบบ  
รับเครดิตฟรี
สมัครสมาชิก