โมกราชินี Wrightia sirikitiae D.J. Middleton & Santisuk ชื่ออื่น - โมกราชินี เป็นไม้ถิ่นเดียวของไทย อยู่ในวงศ์ Apocynaceae พบกระจายอยู่หลายพื้นที่ในจังหวัด โมกราชินี เป็นพรรณไม้ในสกุลโมกบ้านที่มีคำ นครสวรรค์ สระบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี และสระแก้ว ระบุชนิด sirikitiae ตั้งขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จ- โคยจะขึ้นตามเขาหินปูนเตี้ยๆ ที่แล้ง ระดับความสูง พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สำรวจพบครั้งแรก ประมาณ 100 ม. มีฤดูคอกบานอยู่ในช่วงเดือน โคย Dr.David Middleton ชาวอเมริกัน ร่วมกับ มกราคมถึงกุมภาพันธ์ ส่วนต้นที่นำมาปลูกเลี้ยง นายธวัชชัย วงศ์ประเสริฐ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์. หากได้รับความชื้นอยู่ตลอดเวลาจะทยอยให้คอกจนถึง 2544 จากบนเขาหินปูนในอำเภอพระพุทธบาท จังหวัค เดือนเมษายน คอกโมกราชินีจะบานเพียงวันเดียวแล้ว โรย แต่จะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ตลอดวัน สระบุรี
ใบ เป็นใบเคี่ยว เรียงตรงข้าม ใบรูปรีหรือรูปไข่ แกมรูปรี ยาว 2.5-8.2 ชม. ปลายใบเป็นติ่งแหลม ใบบาง มีขนละเอียด สากมือ ดอก ออกเป็นช่อคอกยาว 3-5 ชม. กลีบเลี้ยงและ กลีบดอกจำนวนอย่างละ 5 กลีบ กลีบคอกสีขาวนวล โคนกลีบดอกเป็นหลอดยาว 1.4-2 ชม. ปลายแยก เป็นกลีบยาว 1.5-2.5 ชม. ผล ผลแห้งแตก ออกเป็นฝักคู่ กว้าง 1-1.5 ชม. ยาว 8.5-14 ชม. สีน้ำคาลอมเขียว มีช่องอากาศ กระจายหนาแน่น มีเมล็คจำนวนมาก ปลิวลอยตามลมได้ เมล็ด สีดำรูปรียาว 5-6 มม. มีปุยปลายเมล็ด การขยายพันธุ์ ต้นตอ เพาะเมล็ด หรือเสียบยอด โดยใช้โมกมันเป็น สำหรับผู้ที่สนใจอยากปลูกโมกราชินี ต้องมีความสล็อต ออนไลน์ วิริยะอุตสาหะมากสักหน่อย เนื่องจากโมกราชินีเป็น พรรณไม้ที่โตช้า หากปลูกจากต้นเพาะเมล็ด กิ่งตอน หรือกิ่งปักชำลงกระถางหรือลงแปลงให้สัมผัสกับดิน โดยตรงจะเจริญเติบโตได้ไม่ดีนัก รากเน่าและตายได้ ง่าย ควรปลูกจากต้นเสียบยอคที่ใช้โมกมันเป็นต้นตอ โดยปลูกลงกระถางขนาคใหญ่หรือลงแปลงกลางแจ้ง ปลูกในดินร่วน และระบายน้ำดี การดูแลต้นโมกราชินี ควรมีการตัดแต่งพุ่มเป็นช่วงๆ เนื่องจากเป็นพรรณไม้ที่ แตกกิ่งกระโดงสูงเร็ว ทำให้มีทรงพุ่มสูงชะลูด และ มีคอกน้อย ความนิยมปลูกโมกราชินีอีกแนวทางหนึ่ง คือปลูกโชว์ทรวดทรง โชว์ลีลา มีการตัดแต่งเป็นรูปทรง ต่างๆ มีการปลูกให้ยึดเกาะหินและปลูกเป็นไม้แคระ หรือบอนไซ ลักษณะพรรณไม้ ต้น ไม้ต้นขนาคเล็ก สูงได้ถึง 6 ม. ผลัดใบ ลำต้น แตกกิ่งมาก เปลือกสีขาวปนเทา มีช่องอากาศเป็น ปุ่มกลมหรือรีกระจายทั่วลำต้น
โมกเหลือง Wrightia vividiflora Kerr ชื่ออื่น - โมกเหลือง จัดเป็นพืชถิ่นเดียวของไทย อยู่ในวงศ์ Apocynaceae หมอคาร์ ชาวไอริช สำรวจพบครั้งแรก เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2473 จากอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันพบกระจายอยู่ห่างๆ ที่จังหวัด กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี และสระบุรี โดยจะขึ้นตาม เนินเขาหินปูนเตี้ยๆ ที่ชุ่มชื้น ในระดับความสูง 100- 800 ม. โมกเหลือง จัดเป็นไม้ที่เจริญเติบโตช้า เพราะขึ้น อยู่บนเขาหินปูน คนจึงนิยมนำมาปลูกเลี้ยงและตกแต่ง เป็นบอนไซหรือไม้แคระ และเนื่องจากปัจจุบันความ ต้องการไม้ประดับประเภทบอนไซมีมากขึ้น การไปขุด หาโมกเหลืองจากป่าจึงกระทำได้ไม่เพียงพอ ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้เลียนแบบธรรมชาติโดยการตอนกิ่งหรือปักชำกิ่ง โมกเหลืองให้ออกราก แล้วนำมาปลูกเกาะกับก้อนหิน เมื่อโมกเหลืองเจริญเติบโตมากขึ้นก็คัดแต่งให้มีสภาพ ใกล้เคียงกับธรรมชาติที่เป็นไม้เกาะหิน ถือเป็นวิธีการ เลียนแบบธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์โคย ไม่เข้าไปรบกวนต้นที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ช่วยให้ต้น โมกเหลืองในป่าสามารถเจริญเติบโตต่อไปในสิ่งแวดล้อม เดิมได้ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ที่ตกแต่งสวน ประคับและทำน้ำตกในบ้าน เหมาะที่จะนำต้นโมกเหลือง มาปลูก เนื่องจากโมกเหลืองชอบขึ้นเกาะหินริมน้ำ หรืออยู่ตามซอกหินที่มีไอหมอก อีกทั้งคอกยังมี กลิ่นหอมอ่อนๆ จึงสามารถปลูกข้างน้ำตกประดับสวน ในบ้านได้ โคยไม่จำเป็นต้องไปขุคเซาะหินในป่า ซึ่งนอกจากจะเป็นการทำลายธรรมชาติแล้วยังเป็นการ กระทำที่ผิดกฎหมายอีกด้วย
ส่วนผู้ที่ต้องการปลูกโมกเหลืองลงแปลงประดับ สวน จะพบปัญหาที่ว่าโมกเหลืองไม่เจริญเติบโตเมื่อ ปลูกลงดิน แล้วกำลังหาวิธีบำรุงรักษาโมกเหลืองให้ เจริญเติบโตได้เร็วขึ้น ต้องใช้วิธีการเสียบกิ่ง เพื่ออาศัย รากของไม้ชนิดอื่น เช่น โมกมัน เป็นต้นตอ ต้นโมก- เหลืองก็จะเจริญเติบโตได้เร็วขึ้นกว่าการปลูกจากการ เพาะเมล็ด และให้รากสัมผัสกับต้นโดยตรง คอกเป็นช่อยาว 1-4 ชม. มีดอกย่อย 5-20 ดอก คอก เป็นช่อยาว 1-4 ซม. มีดอกย่อย 5-20 ดอก กลีบเลี้ยงสีเขียวรูปถ้วย กลีบดอก 5 กลีบสีเหลือง อมเขียว เมื่อบานมีเส้นผ่าศูนย์กลางของดอก 1.5 ชม. โคนกลีบดอกมีกระบังเป็นฝอยเล็กๆ ล้อมรอบเกสร เพศผู้และเพศเมียที่อยู่กลางดอก ผล เป็นฝักคู่ รูปกระสวย ยาว 16-20 ชม. เมื่อ แก่แล้วแตกค้านเดียว มีเมล็ดจำนวนมาก เมล็ด รูปแถบ ยาวประมาณ 2.5 มม. ที่โคนมีขน กระจุก ยาวประมาณ 2 ชม. ลักษณะพรรณไม้ การขยายพันธุ์ ใช้วิธีเพาะเมล็ด ปักชำและตอนกิ่ง แล้วนำลง ต้น ไม้พุ่ม หรือไม้ต้นขนาคเล็ก สูง 2-3 ม. กิ่ง แก่เกลี้ยงมีช่องหายใจเป็นขีดนูนสีขาว ปลูกเป็นไม้กระถาง แต่จะเจริญเติบโตได้ช้าเมื่อเทียบ ใบ เดี่ยวเรียงตรงข้าม ใบรูปรี ยาว 8-15 ชม. กับการนำมาเสียบกิ่งโดยใช้ต้นโมกมันเป็นต้นตอ ซึ่งจะ เนื้อใบบาง ปลายใบเป็นดิ่งแหลมยาว โคนใบรูปลิ่มหรือ เจริญเติบโตได้เร็วและมีทรงพุ่มที่แข็งแรง มน แผ่นใบด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนเล็กน้อย ผลเป็นฝักคู่ รูปกระสวย ยาว 16-20 ชม. เมื่อแก่แล้ว แตกค้านเดียว มีเมล็ดจำนวนมาก